X

เปรตวัดสุทัศน์ ตำนานผีไทย ที่ส่งความหลอนไปทั่วกรุงฯ

31 ต.ค. 2567
400 views
ขนาดตัวอักษร

31 ต.ค.67 - “เปรตวัดสุทัศน์” หนึ่งในตำนานเรื่องเล่าผี ที่ส่งต่อความหลอน เล่าขานไปทั่วเมืองกรุง “เอ่อ..แปลกดี”

เรื่องลี้ลับ เรื่องผีเขย่าขวัญ ปรากฎขึ้นในทุกตำนานของทุกเชื้อชาติ รวมไปถึงผีไทย ที่เป็นเรื่องเล่าเขย่าขวัญ สยองขนมาเนิ่นนาน ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน บางเรื่องโด่งดังจนเป็นตำนานที่สร้างความสะพรึงทุกครั้งที่ได้ฟัง

“เปรต” เป็นหนึ่งในผีไทย ที่ได้รับการกล่าวขานถึงมาก โดยตามความเชื่อแต่โบราณ “เปรต” เป็นผีที่เกิดจากคนที่ทำบาปหนักหนากับบุพการี ผู้มีพระคุณ หากเมื่อตายไปวิญญานจะกลายเป็นเปรต มีหลายชนิด ทั้งมีรูปร่างสูงเท่าต้นตาล ผมยาวรุงรัง คอยาว ผอมโซ มีปากเท่ารูเข็ม มือเท่าใบตาล มักร้องเสียงดังวี้ดๆ น่ากลัว ในตอนกลางคืน 

ส่วนในบันทึกไตรภูมิโลกวินิจฉัยกถา และพระมาลัยคำหลวง ได้กล่าวถึงเรื่องเปรตไว้ โดยกำหนดไว้ว่า “เปรต” เป็นสัตว์ในภูมิหนึ่งในกามภูมิ เรียกว่า เปตภูมิ เป็นภูมิที่ อยู่ในทุคติภูมิ เป็นแดนทุกข์ สัตว์ผู้ใดตกอยู่ในภูมินั้น ก็จะต้องตกทุกข์ได้ยากได้รับ ความลำบาก ตาม “กรรม” ของตน ที่ส่งให้ไปตกอยู่ในภูมินั้น ๆ ด้วยสาเหตุต่าง ๆ

อีกข้อมูลจาก “มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย” บอกไว้ว่าความเชื่อของคนไทย “เปรต” เป็น “ผี” ชนิดหนึ่ง เรียกกันว่า “ผีเปรต” เช่นเดียวกับผีกระสือ ผีกระหัง ผีปอบ ความหมายของเปรตตามภาษาสันสกฤต แบ่งได้ดังนี้

1. ผู้จากโลกนี้ไปแล้ว หรือคนที่ตายไปแล้ว เป็นวิญญาณชนิดหนึ่ง

2. ผู้ห่างไกลจากความสุข เป็นอสุรกายที่ทำกรรมเอาไว้จึงต้องมารับผลกรรมด้วยความทุกข์ทรมาน ซึ่งแต่ละตนจะมีรูปร่างหน้าตาต่างกันไปตามกรรมที่เคยทำไว้

สำหรับศาสนาพุทธ จัดภพภูมิให้สรรพสัตว์ที่ยังมีกิเลสอยู่และต้องเวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อยๆ ทั้งหมด 31 ภพภูมิ เรียกว่า วัฏสงสาร 31 ภพภูมิ มี 3 ระดับ ได้แก่

1. กามาวจรภูมิ เป็นภูมิของผู้ยังแสวงหาความสุขจาก รูป เสียง กลิ่น รส และ สัมผัสที่น่าพอใจ

2. รูปาวจรภูมิ เป็นภูมิของผู้ที่มีภาวะจิตสงบ มีสมาธิเป็นองค์ธรรมหลัก

3. อรูปาวจรภูมิ เป็นภูมิที่อยู่ของผู้เจริญสมาธิถึงขั้นสูงสุด

โดย “ภูมิเปรต” อยู่ใน “อบายภูมิ 4” เป็นภูมิย่อยของกามาวจรภูมิ มีไว้เพื่อลงโทษผู้ที่ทำบาป แบ่งเป็น นรก เปรต อสุรกาย และดิรัจฉาน (เดรัจฉาน) จะถูกลงโทษให้ทุกข์ทรมานอยู่เกือบตลอดเวลานั่นเอง


สำหรับคนไทย เปรตที่โด่งดังมากที่สุด นั้นก็คือ “เปรตวัดสุทัศน์” กรุงเทพมหานคร ได้เล่าเรื่องนี้ไว้ว่า ในสมัยก่อนบรรยากาศแถววัดสุทัศนเทพวรารามฯ ค่อนข้างที่จะน่ากลัวมาก มักมีคนเล่าว่าพบเห็นผีเปรตอยู่เสมอ สอดคล้องกับที่ในสมัยนั้นโรคห่า (อหิวาตกโรค) ระบาดหนักในพระนคร มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากจนเผาศพแทบไม่ทัน ต้องทิ้งศพไว้ให้แร้งกิน ณ ลานวัดสระเกศ จนมีคำกล่าวคล้องจองกันว่า "แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์ "

พอยุคสมัยแปรเปลี่ยน จึงมีการขบคิดและอธิบายออกมาว่า เปรตที่ว่านั้นอาจคือเงาจากเสาชิงช้าที่อยู่หน้าวัด ซึ่งด้วยความสูงของเสาชิงช้า ยามตกกลางคืน ผู้คนก็อาจจะมองผ่านเห็นเป็นเหมือนขาที่สูงยาวของเปรตก็เป็นได้


หรือคำว่าเปรตวัดสุทัศน์ แท้จริงนั้นมาจากภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระวิหาร ที่วาดเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเปรตรอยู่ภายในวิหารจริงๆ ซึ่งจิตรกรรมนี้ถูกวาดขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 เป็นภาพในไตรภูมิโลกวินิจฉยกถาของ “กัญจิกาสูรเปรต”หรือ “กาลกัญจิกาสุรกาย” ตนหนึ่งที่ร่างกายผอม นอนเหยียดยาวอยู่ในแม่น้ำใหญ่ ด้วยผลของบาปกรรมน้ำจึงเหือดแห้งไปหมดไม่สามารถดื่มน้ำได้ ต้องทนทุกขเวทนาอยู่เช่นนั้น วันหนึ่งมีพระภิกษุธุดงค์มาในที่นั้นเห็นเปรตนอนอยู่แล้วเกิดความเวทนา จึงใช้บาตรตักน้ำให้เปรตได้ดื่มกิน แต่เปรตตนนั้นก็ไม่สามารถดื่มน้ำได้ด้วยปากที่มีขนาดเล็กเพียงรูเข็ม เป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก


หากใครอยากพิสูจน์ สามารถออกเดินทางไปเที่ยววัดสุทัศนเทพวรารามฯ กันได้ โดยภาพจิตรกรรมเกี่ยวกับเปรตนี้อยู่บริเวณพระวิหารหลวงด้านขวาขององค์พระ บนเสาด้านข้างต้นที่4 ซึ่งสามารถชื่นชมความสวยงามอื่นๆ ของวัดแห่งนี้ได้อีกด้วยเช่นกัน เอ่อ…แปลกดี!

ขอบคุณข้อมูลจาก : กรุงเทพมหานครฯ

อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2018 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล