X

ทุเรียนที่จีนปลูกเองได้ อร่อยแค่ไหน สู้ไทยได้ไหม

23 มี.ค. 2566
15770 views
ขนาดตัวอักษร

เป็นที่ฮือฮาไม่น้อย เมื่อราชาแห่งผลไม้ของไทยอย่างทุเรียน สามารถถูกพัฒนาและปลูกได้ในประเทศจีน ในสายพันธุ์ซานคิงและพันธุ์หนามดํา ที่นําต้นกล้ามาจากมาเลเซีย เราเลยขอพาไปรู้จักทุเรียนทั้ง 2 สายพันธุ์นี้ว่ามีลักษณะและรสชาติอย่างไร สู้ทุเรียนสายพันธุ์อืนๆ ที่ทานกันอยู่ในไทยได้ไหม


ทุเรียนพันธุ์มูซานคิง หรือคนมาเลเซีย เรียกว่า ราจาคุนยิต (Raja Kunyit) เป็นทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองของประเทศมาเลเซีย และได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชาแห่งทุเรียนมาเลย์” มีลักษณะสีเหลืองสวย น่ารับประทาน จนทำให้มันกลายเป็นเทรนด์ที่หลายคนยอมลงทุนซื้อ ในส่วนของรสชาติจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หวานหอมอร่อย และตัดเลี่ยนด้วยรสขมนิด ๆ ซึ่งข้อนี้ทำให้ทุเรียนสายพันธุ์นี้กลายเป็นที่ชื่นชอบของชาวจีนและชาวมาเลเซียเป็นอย่างมาก


ที่สำคัญมูซังคิงยังเป็นทุเรียนที่ต้องมีการสุกถึง 90% หรือเรียกง่าย ๆ ว่าสุกคาต้นเท่านั้นถึงจะมีรสชาติดี ไม่มีปัญหาเรื่องทุเรียนอ่อน ในส่วนของราคาไม่เคยตก (อยู่ที่ราว ๆ กิโลกรัมละ 500 – 1,000 บาท) และไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการ ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ได้รับความนิยมากเกินไป’ สำหรับพื้นที่ที่เหมาะกับการปลูกจะต้องเป็นเนินสูงและเขาชัน ส่วนในประเทศไทยเกษตรกรไทยก็มีการปลูกทุเรียนมูซังคิงด้วยเหมือนกัน โดยนิยมปลูกที่ภาคตะวันออกคือจังหวัดจันทบุรี และภาคใต้ในพื้นที่จังหวัดยะลาที่มีสภาพอากาศใกล้เคียงกับประเทศมาเลเซีย


ส่วนทุเรียนพันธุ์หนามดำ หรือ "ทุเรียนโอฉี่"  มีถิ่นกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย มีลำต้นแข็งแรงสูงตรง เปลือกไม้สีน้ำตาลเข้ม ใบมีขนาดใหญ่กว่าใบทุเรียนพันธุ์ไทยทั่วไป ผลของทุเรียน จะมีสีดำที่บริเวณก้น อันเป็นลักษณะที่ไม่พบเห็นในทุเรียนสายพันธุ์อื่น มีทรงผลสวย เปลือกบาง เมล็ดเล็กและลีบ เนื้อสุกเป็นสีเหลืองอมส้ม เนื้อละเอียดเนียน รสชาติหวานมันและหวานแหลมมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื้อเยอะ รับประทานอร่อยมาก ที่สำคัญ “ทุเรียนโอวฉี” หรือ “ทุเรียนหนามดำ” จัดเป็นสายพันธุ์เบา หมายถึงมีดอกและติดผลได้ง่ายหลังปลูกเพียงแค่ 4–5 ปี สามารถมีดอกและติดผลได้แล้ว


ขอบคุณข้อมูลจาก : 

promotions.co.th

farm.vayo.co.th


อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2018 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล