ที่ วัดพระธรรมมุนี หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดสน่ำ ต.โพประจักษ์ อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี มีสิ่งของสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรังสี) อีกทั้ง พระอุโบสถยังประดับไปด้วยแบบพิมพ์จำลองรุ่นต่างๆ ของพระสมเด็จพระพุฒาจารย์โต และพระสมเด็จจิตรดา, พระวัดปากน้ำ, พระนางพญา, พระเบญจภาคี, พระรอด และด้านหลังพระประธาน ยังมีพระสมเด็จหลวงพ่อแพ ขนาดใหญ่ ซึ่งได้พบ พระครูวิสิฐ วรการ เจ้าอาวาส วัดพระธรรมมุนี (วัดสน่ำ) ได้พาชมพระอุโบสถ และเล่าว่า "เดิมทีวัดสน่ำ เป็นวัดที่ก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่ต่อมากลายเป็นวัดร้าง จนกระทั่งหลวงพ่อแพ เขมังกะโร อดีตเจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง ได้มาช่วยบูรณะ 
ด้วยความศรัทธาใน สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรังสี) อีกทั้งยังมีสิ่งของสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ จึงได้สร้างพระอุโบสถ โดยได้ช่างมีฝีมือจากวัดระฆัง มาแกะแบบ และสร้างพระจำลองในรุ่นต่างๆ ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต ได้เคยสร้างไว้ ประดับในพระอุโบสถทั้งหมด 28 องค์ และพระสมเด็จจำลอง ซึ่งมีขนาดใหญ่อยู่ด้านหลังพระประธาน และยังมีซากเจดีย์เก่าสมัยอยุธยา โดยตั้งใจจะบูรณะปฏิสังขรณ์ แต่ยังขาดปัจจัย จึงอยากเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ร่วมทำบุญในการบูรณะครั้งนี้ จะนำวัสดุในการก่อสร้าง นำมาบริจาคโดยตรงได้เลย หรือจะร่วมบุญได้ที่ บัญชีของทางวัด ธนาคารกรุงไทย สาขา สิงห์บุรี ชื่อบัญชี พระครู วิสิฐวรการ เลขที่บัญชี 196-1-09970-5"
หลังจากนั้น มาที่กุฏิเจ้าอาวาส เพื่อชมสิ่งของเครื่องใช้ที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์โตเคยใช้ โดยเจ้าอาวาสได้เล่าว่า "มีลูกศิษย์และเป็นผู้ดูแลในวัด ชื่อ อาจารย์สมพงษ์ ได้มามอบให้กับทางวัด เนื่องจากในอดีต สมเด็จพระพุฒาจารย์โต เคยมาเทศนาฉลองงานขึ้นบ้านใหม่ที่บ้านหลวงกาลมัยนฤมิตร หรือนายเหลี่ยม ศุกรมุข ซึ่งเป็นปู่ของ อ.สมพงษ์ ที่บ้านช่างหล่อ บางกอกน้อย ซึ่งสมัยนั้น เป็นอำเภอขึ้นอยู่กับจังหวัดธนบุรี
สำหรับสิ่งของเครื่องใช้ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต ใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนาในครั้งนั้น ได้แก่ ที่นั่ง โต๊ะหมู่บูชา พระพุทธรูป เชิงเทียน แจกันทองเหลือง กล่องไม้ และกาน้ำชา รวมไปถึงรอยพิมพ์เท้าขวาประทับด้วยขมิ้น ของสมเด็จพระพุฒาจารย์โตบนผืนผ้า ผ้าเช็ดเท้า และผ้าสำหรับรับชานหมาก โดยสิ่งของและเครื่องใช้ทั้งหมดนั้น ได้รับเป็นมรดกตกทอดมาจากตระกูล ของ อ.สมพงษ์ เป็นสิ่งของสำคัญควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ จึงได้นำมามอบให้กับทางวัด เพื่อรวบรวมและเปิดให้สาธุชนที่มีความสนใจได้มาเยี่ยมชมและกราบไหว้บูชาต่อไป"
