30 พ.ค.66 - พิธา-นพ.ชลน่าน โชว์ประสานใจ พร้อม 8 พรรคร่วม ย้ำความชัดเจนยังรักกันดี ประชุมร่วมตั้งคณะกรรมการประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่าน 7 คณะ พร้อมแก้ปัญหาทันทีที่เป็นรัฐบาล มั่นใจปัญหาตำแหน่งประธานสภาฯไม่เป็นอุปสรรคตั้งรัฐบาล
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล แถลงภายหลังการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล #พรรคก้าวไกล #พรรคเพื่อไทย #พรรคประชาชาติ #พรรคไทยสร้างไทย #พรรคเพื่อไทรวมพลัง #พรรคเสรีรวมไทย #พรรคเป็นธรรม และ #พรรครวมพลังสัมคมใหม่
ว่าที่ประชุมมีมติตั้งคณะกรรมการประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นประธาน และมีคณะกรรมการร่วมจาก 8 พรรคการเมืองประกอบด้วย
•น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ตัวแทนจากพรรคก้าวไกล
•นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย
•พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ตัวแทนจากพรรคประชาชาติ
•น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ตัวแทนจากพรรคไทยสร้างไทย
•นายวิรัตน์ วรศสิริน ตัวแทนจากพรรคเสรีรวมไทย
•นายกันต์วีร์ สืบแสง ตัวแทนจากพรรคเป็นธรรม
•นายวสวรรธน์ พวงพรศรีตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยรวมพลัง
•นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ ตัวแทนจากพรรคพลังสังคมใหม่
โดยจะประชุมคณะกรรมการประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งต่อไปวันอังคารที่ 6 มิถุนายนที่พรรคเพื่อไทย หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ที่ประชุมยังมีมติตั้งคณะทำงานขึ้นมา 7 คณะ เพื่อตอบสนองปัญหาของประชาชน ประกอบด้วย
•คณะทำงานด้านค่าไฟฟ้าน้ำมันดีเซลและพลังงาน
•คณะทำงานด้านภัยแล้ง และเอลนีโญ
•คณะทำงานด้านสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
•คณะทำงานด้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ
•คณะทำงานด้านปัญหาสิ่งแวดล้อมและ PM 2.5
•คณะทำงานด้านเศรษฐกิจปากท้องและเอสเอ็มอี
•คณะทำงานด้านปัญหายาเสพติด
ทุกคณะทำงานประกอบด้วยตัวแทนจากแต่ละพรรค และจะมีการประชุมอย่างต่อเนื่องเพื่อแจ้งความคืบหน้าต่อคณะกรรมการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อนำจะไปสู่การหาทางออกร่วมกันของทุกพรรคในการแก้ปัญหาของประเทศ เพื่อกลั่นกรองออกมาเป็นนโยบายร่วมกันในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และนำไปปฏิบัติในฐานะฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป โดยจะประชุมต่อเนื่อง เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาก่อนกำหนดเป็นนโยบายและแถลงต่อรัฐสภา อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งต่อไปจะตั้งคณะทำงานเพิ่มให้ครบ 23 คณะตาม MOU ที่ 8 พรรคร่วมลงนาม
“ยืนยันการทำงานของ 8 พรรคร่วมเป็นไปด้วยดี มีความสามัคคี เพื่อทำงานให้ประชาชน ส่วนเรื่องประธานสภาฯพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจะพิจารณาร่วมกัน จะไม่เป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาล พวกเราพูดคุยในจุดประสงค์เดียวกันว่าสิ่งที่สำคัญคือการเตรียมพร้อมบริหารราชการแผ่นดินเพื่อพี่น้องประชาชน
ขณะนี้ กกต. มีการประกาศผลคะแนนการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว เหลือเพียงการรับรอง ส.ส. อย่างเป็นทางการเพื่อสามารถเปิดประชุมสภาได้ ประชาชนหวังว่า กกต. จะใช้เวลาไม่นานในการรับรอง ส.ส. เพื่อให้สามารถตั้งรัฐบาลใหม่ได้เข้าไปบริหารเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด”