กระสือ ถือว่าเป็นผีไทยที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงมาเป็นเวลานานรุ่นต่อรุ่น แม้ยังไม่เคยปรากฏหลักฐานเป็นภาพให้เห็นกันอย่างชัดเจนว่ามีจริงหรือไม่ แต่รู้หรือไม่... เรื่องราวของกระสือ เคยมีการถูกบันทึกการพบเจอในประเทศไทยมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
กระสือ มีหลากหลายความหมาย โดยสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ได้ระบุเรื่องนี้ไว้ว่า กระสือ ความหมายแรกคือ ผีชนิดหนึ่ง เชื่อว่าเข้าสิงอยู่ในตัวผู้หญิง ถอดหัวและไส้ออกหากินของโสโครกในเวลากลางคืน ไส้มีแสงเรือง เรียกผลกล้วยที่ลีบและแกร็น เนื้อแข็ง บ่มไม่สุก ว่า กล้วยกระสือดูด ความหมายที่ 2 กระสือเป็นคำเรียกเห็ดชนิดหนึ่ง เรืองแสงได้ในเวลากลางคืน ความหมายที่ 3 เป็นชื่อว่านชนิดหนึ่ง ต้นและหัวคล้ายขมิ้นอ้อย สีขาว ฉุนร้อน ตามตํารากบิลว่านว่า เมื่อหัวแก่มีธาตุปรอทลงกิน มีพรายเป็นแสงเรืองในเวลากลางคืน เชื่อกันว่า ชอบไปเที่ยวหากินของโสโครกเหมือนกระสือ นอกจากนี้ คำว่า กระสือ ยังเป็นชื่อหนอนซึ่งเป็นตัวอ่อนของแมลงพวกหิ่งห้อย และหิ่งห้อยตัวเมียซึ่งไม่มีปีก สามารถทำแสงกระพริบเห็นเป็นสีเขียวอมเหลืองอ่อน เรียกว่า หนอนกระสือ. ไข่ของหนอนกระสือบางชนิดก็เรืองแสงได้
สำหรับ กระสือ ในแง่มุมของผี ถือเป็นผีเก่าแก่มาแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ตามที่มีปรากฏหลักฐานในกฎหมายตราสามดวง โดยพระยาอนุมานราชธน หรือ เสฐียรโกเศศ อธิบายไว้ในหนังสือผีสางเทวดา ว่า ชื่อกระสือนี้เป็นชื่อผีที่ชาวภาคกลางรับรู้กัน เป็นผีผู้หญิง โดยมากมักเป็นยายแก่ ชอบกินของสดของคาวและชอบออกหากินในเวลากลางคืน ดึกๆ เวลาเคลื่อนที่ไปจะมีแต่หัวและตับไตไส้พุงเท่านั้น ส่วนร่างกายไม่ไปด้วยคงทิ้งไว้ที่บ้าน เมื่อไปจะเห็นเป็นดวงไฟเป็นแสงเรืองวาบๆ สีเขียวเป็นดวงโต
ผีกระสือชอบกินอาจม (อุจจาระ) หากกินแล้วมันเห็นผ้าของใครตากทิ้งค้างคืนไว้ ก็เอาผ้านั้นเช็ดปากของมันที่เปื้อนอุจจาระ ตื่นเช้าจะเห็นผ้าที่ตากไว้มีรอยเปื้อนเป็นดวงๆ ถ้าเอาผ้านั้นไปต้ม ผีกระสือจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนปาก ทนไม่ไหวต้องมาขอร้องไม่ให้ต้มผ้านั้นอีกต่อไป
โดยภาพลักษณ์ของกระสือปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่อปี 2515 คุณทวี วิษณุกร ได้วาดเป็นการ์ตูนใช้ชื่อเรื่องว่า "กระสือสาว" และในปี 2516 ได้ถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์ นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี และ พิศมัย วิไลศักดิ์ จากนั้นปี 2518 บริษัทดาราฟิล์ม (ดาราวีดีโอในปัจจุบัน) ขอซื้อเรื่องกระสือสาวมาทำเป็นภาพยนตร์ทีวี รวมทั้งถูกนำมาทำเป็นละครโทรทัศน์อีกครั้งเมื่อปี 2538 โดยบริษัทดาราวีดีโอเช่นกัน
ผีกระสือ ในด้านวิทยาศาสตร์ รศ.ดร.สิรินทรเทพ เต้าประยูร นักวิชาการผู้ศึกษาเรื่องพลังงานธรรมชาติแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้เคยออกมาให้ความเห็นว่า ดวงไฟของกระสือที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตุว่าอาจมาจากโมเลกุลของก๊าซมีเทนที่เกิดจากการสะสมของซากเน่าเปื่อยของอินทรียสาร ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะแก๊สมีเทนในนาข้าวนั้นไม่ได้มีปริมาณมากพอที่จะเกิดการลุกไหม้ อีกทั้งในทางกายวิภาค ร่างกายมนุษย์เมื่อถอดส่วนหัวแล้ว อวัยวะส่วนอื่น ๆ เช่น ไส้, หัวใจ หรือปอด ก็จะไม่ติดออกมาด้วย
ที่มา : สำนักงานราชบัณฑิตยสภา , silpa-mag.com