สรุปปมปัญหา PayPal กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ใช้งานในไทยต้องจดทะเบียนนิติบุคคล ทำผู้ค้าออนไลน์รายย่อยได้รับผลกระทบ ส่อโดนระงับบัญชี 7 มี.ค.นี้
กลายเป็นประเด็นที่สร้างผลกระทบอย่างมากต่อกลุ่มผู้ค้าออนไลน์รายย่อยที่ใช้บริการ PayPal ชาวไทย อาจโดนระงับบัญชีใช้งาน ปัญหานี้เริ่มต้นเมื่อ PayPal แพลตฟอร์มรับ-ส่งเงิน และรับชำระเงินออนไลน์ ขอสิงคโปร์ ได้เข้ามาเปิดบริษัทในประเทศไทย และเข้าไปอยู่ภายใต้การกำกับของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พร้อมกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ใช้ชาวไทยต้องยืนยันตัวคนแบบ Know Your Business (KYB) ซึ่งหมายถึงการให้เจ้าของบัญชีผู้ใช้งานต้องไปจดทะเบียนเป็นองค์กรธุรกิจ หรือจัดตั้งเป็นนิติบุคคล ให้แล้วเสร็จก่อน 7 มี.ค.65 ไม่เช่นนั้นจะโดยระงับบัญชี
โดยเงื่อนไขดังกล่าว สร้างผลกระทบอย่างมากต่อกลุ่มผู้ค้าออนไลน์รายย่อยที่ใช้บริการ PayPal ในการทำธุรกรรมซื้อ-ขายสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มที่มีการซื้อ-ขายสินค้ากับลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ เพราะการจดทะเบียนพาณิชย์บุคคลธรรมดา จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และอุปสรรคหลายประการ เช่นการจดทะเบียนผู้ค้ากลุ่มที่เป็นเยาวชนจะไม่สามารถดำเนินการได้ รวมถึงการจดทะเบียนยังมีการบังคับทำป้ายหรือเว็บไซต์ของตัวเอง จึงทำให้สูญเสียโอกาสทำมาหากิน
ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประกอบการที่ใช้บริการ PayPal เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ให้ช่วยหาแนวทางช่วยเหลือ นำไปสู่การเชิญตัวแทนจากทุกฝ่ายเข้าหารือกันในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา
โดยผลการหารือ น.ส.วทันยา ได้ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า วันนี้ในที่ประชุมกรรมาธิการฯ ได้ตัวแทนจากเชิญ ธปท. , ปปง. และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มาร่วมหารือ เพื่อหาทางออกให้ผู้ใช้บัญชี PayPal ผลกระทบที่ให้ผู้ใช้งานบัญชี PayPal แบบรับโอนเงินต้องไปจดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลก่อนวันที่ 7 มี.ค. โดยในที่ประชุม ธปท. มีนโยบายให้ PayPal ขยายระยะเวลาการใช้งานบัญชีแบบรับโอนเงินได้ออกไปจนกว่าที่ PayPal จะจัดทำระบบยืนยันตัวตนแล้วเสร็จ
PayPalจะต้องจัดทำระบบยืนยันตัวตนให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 6 เดือน หลังจากนั้นPayPal จะต้องดำเนินการยืนยันตัวตนกับลูกค้าที่ใช้บัญชีในระบบ PayPal ให้เรียบร้อยภายในระยะเวลา 3 เดือน สรุปคือลูกค้า PayPal มีเวลาเตรียมตัวเพื่อรองรับระบบยืนยันตัวตนรวมเวลาทั้งหมดอีกไม่เกิน 9 เดือน
การยืนยันตัวตนจะทำแบบ Know Your Customer (KYC) ตามกฎหมายของ ปปง. และระเบียบของ ธปท. สามารถให้บุคคลธรรมดาทำได้ด้วยการยืนยันโดยบัตรประชาชนหรือหน้าพาสปอร์ตก็เพียงพอแล้ว กรณีที่มีความจำเป็นต้องยืนยันตัวตนแบบผู้ประกอบการธุรกิจสามารถทำได้โดยการจดทะเบียนการค้ากับ ก.พาณิชย์ ไม่จำเป็นต้องไปจดทะเบียนแบบนิติบุคคล ซึ่งมีต้นทุนในการดำเนินการที่สูงกว่ามาก
ประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการดำเนินการจดทะเบียนนิติบุคคลตามคำประกาศของ PayPal ไปแล้ว ทาง ธปท. ได้แจ้งให้ PayPal ออกมาตรการเยียวยาความเสียหายดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ขั้นตอนการแก้ปัญหาทั้งหมดกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการเพื่อให้ผู้บริหารธปท. ลงนามคาดว่าจะเรียบร้อยก่อนวันที่ 7 มี.ค.นี้
ด้านนายธีรภัทร เจริญสุข ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการที่ใช้บริการ PayPal ได้โพสต์ข้อความผ่านกลุ่มเฟซบุ๊ก “ผู้ที่เดือดร้อนจากนโยบายใหม่ของ PayPal Thailand” ที่มีสมาชิกเกือบ 3,000 คน ว่า ได้ข้อสรุปซึ่งเป็นที่น่าพึงพอใจในเบื้องต้น ใช้งาน PayPal รับเงินต่อได้ ไม่ต้องจดอะไรเพิ่ม ยืนยันตัวตนแบบสากลโลกพอ และใครไปเสียเงินจดอะไรมาแล้วจะได้รับชดเชย
การบังคับให้จดทะเบียนธุรกิจ หรือจดทะเบียนนิติบุคคลเป็นความเข้าใจผิด จากฝั่งบริษัท PayPal เอง เนื่องจากการสื่อสารเชิงกฎหมายภาษาอังกฤษกับทาง ปปง. ซึ่ง ธปท. และ ปปง. ยืนยันว่า ต้องการเพียงแค่ KYC ที่เป็นการยืนยันตัวตนบุคคล และหากมีการทำธุรกิจ จะใช้ระบบ KYM (Know Your Merchant) ซึ่งไม่จำกัดว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ดังนั้น ตามข้อกฎหมาย เพย์พาลสามารถให้บุคคลธรรมดาในไทย ดำเนินกิจการค้าขายรับเงินต่อในบัญชีธุรกิจได้ โดยไม่ต้องไปจดทะเบียนธุรกิจการค้าใดๆ ขอเพียงแค่ยืนยันตัวตนตามปกติ
ทั้งนี้ ธปท. จะเร่งกำกับให้ PayPal สามารถใช้บัญชีเดิมที่มีอยู่ “รับเงิน” ตามฟังก์ชั่นที่เคยใช้ได้อยู่เดิม ภายหลังวันที่ 7 มี.ค. เป็นปกติไปพลางก่อน