X
ซิโนแวก และ แอสตราซิเนกา กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าร้อยละ 90

ซิโนแวก และ แอสตราซิเนกา กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าร้อยละ 90

16 พ.ค. 2564
950 views
ขนาดตัวอักษร

16 .. 64- "อวรายงานผลการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในคนไทย สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีมากทั้งซิโนแวกและแอสตราซิเนกา ผู้ได้รับวัคซีนเกือบทุกรายสามารถสร้างแอนติบอดีในระดับสูงกว่าร้อยละ 90


ศาสตราจารย์ ดรนายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดผลการศึกษาประสิทธิผลการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของวัคซีนโรคโควิด-19 ทั้งสองชนิดที่ฉีดในคนไทย ของศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า ทั้งวัคซีนของซิโนแวก และวัคซีนของแอสตราซิเนกา สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีมาก ผู้ได้รับวัคซีนเกือบทุกรายสามารถสร้างแอนติบอดีในระดับสูง โดย 97.26% ของผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตราซิเนกาเข็มแรกแล้ว 4 สัปดาห์ และ 99.49% ของผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวกสองเข็มแล้ว 4 สัปดาห์ สามารถสร้างแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้

ในการศึกษานี้ ได้ทำการตรวจวัดระดับแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเลือด ด้วยวิธี ECLIA ซึ่งแบ่งการวิเคราะห์เป็นกลุ่มต่างๆ ได้แก่ 

-กลุ่มผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อโควิด โดยเจาะเลือดหลังจากนั้น 4-8 สัปดาห์ เพื่อดูว่าการติดเชื้อโดยธรรมชาติจะสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สร้างแอนติบอดีต่อเชื้อโควิด-19 ได้หรือไม่

-กลุ่มที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน

-กลุ่มที่ฉีดวัคซีนแอสตราซิเนกา โดยเจาะเลือดก่อนฉีด และหลังฉีดเข็มที่หนึ่งแล้ว 4 สัปดาห์

-กลุ่มที่ฉีดวัคซีนซิโนแวก โดยเจาะเลือดก่อนฉีดหลังฉีดเข็มที่หนึ่งแล้ว 3 สัปดาห์ และหลังฉีดเข็มที่สองแล้ว 4 สัปดาห์ 


ผลการตรวจวัดระดับแอนติบอดี และเปอร์เซ็นตรวจพบแอนติบอดีในกลุ่มต่างๆ ซึ่งบ่งถึงการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันเป็นดังนี้ 

กรณีที่การติดเชื้อโดยธรรมชาติ

-กลุ่มผู้เคยมีการติดเชื้อโดยธรรมชาติ ตรวจพบแอนติบอดี 92.40% (243 ใน 263 รายและมีปริมาณเฉลี่ย 60.9 unit/ml


วัคซีนของแอสตราซิเนกา

-หลังฉีดเข็มแรก 4 สัปดาห์  ตรวจพบแอนติบอดี 97.26% (71 ใน 73 รายและมีปริมาณเฉลี่ย 47.5 unit/ml

-ยังไม่มีผลการตรวจหลังฉีดเข็มที่สอง เนื่องจากยังไม่ถึงกำหนดเวลาฉีดเข็มที่สอง

เมื่อวิเคราะห์ตามกลุ่มอายุและตามเพศของผู้ฉีดวัคซีนแอสตราซิเนกาโดยละเอียดแล้ว พบว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตราซิเนกาเข็มแรก เป็นเวลา 4 สัปดาห์ เพศชาย  ตรวจพบแอนติบอดี 93.55% (29 ใน 31 รายและมีปริมาณเฉลี่ย 32.9 unit/ml

เพศหญิง ตรวจพบแอนติบอดี 100% (42 ใน 42 รายและมีปริมาณเฉลี่ย 62.3 unit/ml

-กลุ่มอายุ 18-59 ปี ตรวจพบแอนติบอดี 100% (44 ใน 44 รายและมีปริมาณเฉลี่ย 67.2 unit/ml

-กลุ่มอายุมากกว่า 60 ปี ตรวจพบแอนติบอดี  93.11 % (27 ใน 29 รายและมีปริมาณเฉลี่ย 28.1 unit/ml


วัคซีนของซิโนแวก

-หลังฉีดเข็มแรก 3 สัปดาห์  ตรวจพบแอนติบอดี 65.96% (124 ใน 188 รายและมีปริมาณเฉลี่ย 1.9 unit/ml

-หลังฉีดเข็มที่สอง 4 สัปดาห์  ตรวจพบแอนติบอดี 99.49% (196 ใน 197 รายและมีปริมาณเฉลี่ย 85.9 unit/ml

ดังนั้น วัคซีนซิโนแวก สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีมาก โดยเริ่มสร้างแอนติบอดีหลังฉีดเข็มแรก (ระดับยังต่ำและเพิ่มมากขึ้นหลังฉีดครบสองเข็ม ซึ่ง 99.49% ของผู้ที่ฉีดครบสองเข็มแล้วสามารถสร้างแอนติบอดีในระดับสูงมาก

สรุปว่า วัคซีนทั้งสองชนิดสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีมาก ผู้ได้รับวัคซีนเกือบทุกรายสามารถสร้างแอนติบอดีในระดับสูง โดย 97.26% ของผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตราซิเนกาเข็มแรกแล้ว 4 สัปดาห์ และ 99.49% ของผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวกสองเข็มแล้ว 4 สัปดาห์ สามารถสร้างแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้


แหล่งข้อมูลศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สนับสนุนการวิจัยโดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และบริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์

Terms of Service © 2018 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล